• Skip to primary navigation
  • Skip to main content
  • Skip to primary sidebar

LIVE ONCE

Only Live Once, Smart Life, Spend Wisely - dogs, travel, tech, running and freedom

  • Travel
  • LifeStyle
  • Sport
  • Book
  • Tech
You are here: Home / Home

เที่ยวฮอกไกโด ตอนที่1 (การเตรียมตัว การเลือกรถ การเช่ารถ)

August 13, 2013 by Chaiyasit Admin 4 Comments

ชีวิตมันก็เริ่มต้นง่ายๆ และใครๆก็รักอิสระ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ใกล้ตัวเช่นเรื่องกิน และประโยคคำถามที่ได้ยินกันบ่อย “เย็นนี้กินอะไรกันดี” แม้คำตอบที่ได้ยินกลับมาจะเป็นคำตอบง่ายๆ “อะไรก็ได้” แต่สุดท้ายชีวิตมันก็จะมีอะไรที่ Complicated เสมอ “งั้นกินโอโตยะไหม?” เพราะจิตใจที่รักอิสระ “ไม่เอาอะ โอโตยะ กินฟูจิละกัน” นั้น….. อิสระหรือเอาแต่ใจ

ฉะนั้นเรื่องใหญ่ยิ่งยวดสำหรับเราก็เช่นกัน ใครๆก็ชอบที่จะมีอิสระ จะไปไหน จะหยุดที่นั้น จะกินที่นี้ จะนอนก่อน หรือจะผ่านไป ไม่เอาล่ะน่าเบื่อชิบ สุดแสนจะอิสระแบบนี้คงหาไม่ได้กับการเที่ยวแบบทัวร์ ซึ่งจะได้ยินคำวลีดังก้องในหูเสมอๆ ดังเช่น “พรุ่งนี้ 6 7 8 ล้อหมุนนะค่ะ”, “มีเวลาให้ลงไปถ่ายรูป 15 นาที แล้วรีบกลับขึ้นรถนะค่ะ”, “อาหารเปลี่ยนไม่ได้นะค่ะ ถ้าจะสั่งพิเศษต้องจ่ายต่างหาก”, “มีเวลา 2 ชั่วโมงให้ทุกท่านช็อปปิ้งอย่างหนำใจ แล้วมาเจอกัน 6โมงนะค่ะ นัดร้านอาหารไว้แล้ว” เอ่อ คือช็อปปิ้ง 2 ชม. นี้คือจุใจรึ วิ่งหาร้านซื้อของตามใบสั่งก็หมดแล้ว ของตัวเองอย่าเพิ่งหวังเลย!

หลังจากวางแผนอย่างดิบดีในการจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งคราวนี้เลือกที่จะไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ลาเวนเดอร์อันลือชื่อเป็นหลักใหญ่ จุดหมายคงเป็นไปอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าเราจะไปเที่ยวเกาะฮอกไกโด  ซึ่งเป็นเกาะเหนือของญี่ปุ่น มีพื้นที่กว้างใหญ่แต่มีประชากรอยู่ราวๆ 6ล้านคนเท่านั้น ถือว่าน้อยมากๆนะหากเทียบจำนวนประชากรในแต่ละเมืองของญี่ปุ่น

เดินทาง 21 กรกฏาคม กลับ 2 สิงหาคม ถ้าไม่นับวันไปวันกลับเที่ยวจริงๆก็ 11วันเต็มๆ ได้วางทริปเดินทางคร่าวๆประมาณนี้

Chitose -> Furano -> Biei -> Asahikawa -> Otaru -> Shakotan -> Niseko -> Toya -> Hakodate -> Noboribetsu -> Sapporo -> Chitose

การจะเที่ยวญี่ปุ่นเองโดยการไม่พึ่งทัวร์นั้นหลักๆก็จะมีอยู่ 2 ทางเลือก คือ

1) พึ่งรถไฟ ซึ่งครอบคลุมไปเกือบทุกเมืองในญี่ปุ่น

2) ขับรถเอง

ก็เลยต้องรีบค้นคว้าหาราคาของ JR Pass ซึ่งในฮอกไกโดเขาเรียกว่า Hokkaido Rail Pass

 

Hokkaido Rail Pass
Type
Ordinary Cars
Green Cars
3 Day Pass
15,000 yen
21,500 yen
5 Day Pass
19,500 yen
27,000 yen
7 Day Pass
22,000 yen
30,000 yen
Flexible 4 Day Pass
19,500 yen
27,000 yen
Reduced rates (50% off) apply to children aged 6-11.

(รูปและราคาดึงมาจากเวป http://www.japan-guide.com/e/e2361_01.html)

 

 

ถ้าจะเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน ถ้าจะคิดง่ายๆไม่อะไรมาก จะให้  Hokkaido Rail Pass มันครอบคลุมก็ต้องซื้อแบบ 7วัน + 3วัน (22,000 + 15,000) ก็ตก 37,000 เยนต่อคนไม่รวมค่ารถบัสบางแห่งที่ ไม่รวมอยู่ใน Hokkaido Rail Pass และก็ไม่รวมการเดินทางไปกลับสนามบิน Chitose เช่นกัน  ส่วนทริปนี้เราจะไปกัน 4 คน 37,000 x 4 ก็ 148,000 เยน ซึ่งจะเป็นแค่ค่าเดินทางหลัก แถมนั่งดูคร่าวๆแล้วรถไฟจะไปไม่ถึง Shakotan อีกต่างหากซึ่งจะอยู่ทางตะวันตกของ Otaru ไปอีก ซึ่งแน่นอนถ้าจะเลือกเดินทางสายรถไฟ รถบัสก็จะเป็นการเดินทางเสริม (พอคิดอย่างงี้ ความขี้เกียจก็เริ่มบังเกิด) ฟันธงไปเลยว่าเราคงต้อง ขับรถ เที่ยวญี่ปุ่น น่าจะดีกว่า

ก็รีบเริ่มต้นค้นคว้าเกี่ยวกับการเช่ารถและการขับรถเที่ยวญี่ปุ่นเองโดยทันที แล้วก็พบเวปไซต์เช่ารถของญี่ปุ่นที่ราคาค่อนข้างถูก http://www2.tocoo.jp

 

tocool
เลือก Search by Airport

 

เข้ามาตอนแรกก็งงๆเล็กน้อย แต่ก็เลือก Search by Airport ไปไม่คิดมากและถัดมาก็เลือก New-Chitose (CTS) เพราะการบินไทยเราบินตรงไปยังสนามบินแห่งนี้

 

ให้เลือกบริษัทรถ
ให้เลือกบริษัทรถ

 

ที่สนามบิน Chitose มีบริษัทที่ให้บริการเช่ารถอยู่ 7 แห่ง เท่าที่นั่งไล่กดดูราคาของรถเช่าของแต่ละบริษัท ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลยว่าอยากได้รถรุ่นไหนขับ ซึ่งแนะนำว่ามีสิ่งที่ต้องคำนึงหลักๆ อยู่ 2 เรื่องคือ

1) จำนวนผู้โดยสาร

2) พื้นที่เก็บสัมพาระ (Trunk Space)

รถบางรุ่นจุคนได้เยอะ แต่พื้นที่สัมพาระน้อยมาก อาจจะไม่พอกระเป๋าที่แต่ละคนแบกกันไปเตรียมซื้อของฝากกลับเมืองไทยกันไม่ไหว ซึ่งเท่าที่ทราบหากเราเลือกรุ่นรถที่ไม่เหมาะสมกับจำนวนคนและกระเป๋า หากไปถึงวันรับรถแล้วเรายัดจุคนทั้งกระเป๋าเข้ารถไม่ได้ ทางบริษัทเขาจะไม่รับผิดชอบนะ แล้วก็ไม่รับปากว่าจะมีรถเปลี่ยนให้ด้วย ฉะนั้นต้องทำการบ้านดีดีหน่อย โดยตรวจสอบขนาดรถ และที่สำคัญขนาดของที่เก็บสัมพาระข้างหลัง ซึ่งทริปนี้จริงๆ ก็แอบมีรุ่นรถที่อยู่ในดวงใจแล้ว 2 รุ่นที่อยากลองขับ แล้วเท่าที่เทียบราคาค่าเช่าแล้วค่อนข้างจะถูกกว่ารถยี่ห้ออื่นๆพอสมควร

** แนะนำถ้าหากสนใจรถเช่าของนิสสัน Nissan สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลรถและที่สำคัญขนาดของที่เก็บสัมพาระได้ค่อนข้างชัดเจน  https://nissan-rentacar.com/english/vehicles-rates/passenger/

หวยที่ออกรถในดวงใจสำหรับทริปขับรถเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้คือ Nissan Cube นั้นเอง หลังจากค้นคว้าพยายามสอดส่องรถ Cube ที่ขับผ่านเราไปมาบนท้องถนน รวมถึงนั่งกดดูรีวิวรถบน Youtube เพื่อเช็คและให้แน่ใจว่าขนาดรถเพียงพอสำหรับ 4 คน และพอจุกระเป๋าขนาดกลางได้ 4 ใบ

 

เลือกรุ่นรถ
เลือกรุ่นรถ

 

ขนาดที่วางสัมภาระ credit http://wwwnissan-rentalcar.com

 

หลังจากตกลงปลงใจเลือกรถแห่งอิสระ ในการขับรถเที่ยวญี่ปุ่นได้แล้ว ก็ให้กดที่ปุ่ม Rental Charge & Reservation กันเลย ซึ่งก็จะเป็นการคำนวนค่าเสียหายในการเช่ารถคร่าวๆ แล้วล่ะ ลุ้นเล็กน้อยว่าจะราคาแพงกว่าหรือถูกกว่าการใช้ Hokkaido Rail Pass

 

คำนวนค่าเสียหายแบบคร่าวๆ
คำนวนค่าเสียหายแบบคร่าวๆ

 

ตามภาพก็เลือกช่วงเวลาก่อน บนสุด July 01, 2013 – Mar 31, 2014

แล้วก็วันที่จะรับรถ และวันที่จะคืนรถ ซึ่งตรงนี้แนะนำว่าวันรับรถถ้าบินด้วยสายการบินไทย เครื่องจะลงที่ Chitose ประมาณ 8 โมง ซึ่งกว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง กว่าจะรอกระเป๋า กว่าจะได้ออกมาก็ราวๆ 9 โมง ฉะนั้นจะใส่ 9โมง หรือ 9โมงครึ่งก็สบายๆ  ในรูปใส่แบบเผื่อๆไว้ที่ 10โมงเช้า ส่วนวันส่งรถแนะนำให้เลือกไว้ 8 โมงเช้า ตั้งแต่ศูนย์เปิดเลย เพราะว่าจะได้มีเวลามาช็อปต่อที่สนามบินได้ไง ของอร่อยของฝากเยอะแยะ มาให้เผาเงินเยนไม่ให้เหลือกลับบ้านกันทีเดียว

หลังจากกรอก 2 ส่วนบนเสร็จก็กดปุ่ม Stimulate ทันที ราคาค่าเช่ารถแบบคร่าวๆ ก็จะโชว์ขึ้นมาให้เห็น ไม่ต้องไปสนใจฝั่งขวา ดูแค่ฝั่งซ้ายบรรทัดล่างสุดก็พอที่ 77,385 เยน 

เห็นราคาแล้วก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ รีบกด Time System ต่อทันที เพื่อไปกรอกแบบฟอร์มการจองรถ

 

tocool_4_reservation

 

แบบฟอร์มการจองรถก็กรอกไปตามข้อมูลที่เรามี ส่วนสำคัญที่น่าสนใจก็จะเป็นส่วนประกันภัย

Immunity Insurance <- ประกันอุบัติเหตุของรถ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง

N.O.C. <- ประกันส่วนค่าเสียโอกาสของบริษัท ในกรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วใช้งานไม่ได้

ถ้าใครมั่นใจว่าขับแล้วไม่กลัวอุบัติเหตุก็ไม่ต้องติ๊กก็ได้ แต่เราขี้เกียจไปคิดมากมันติ๊กมาให้แล้วก็เลยตามเลย (ง่ายไปไหม?)

English Speaking GPS <- ควรจะติ๊ก เพราะสำคัญกับเราๆ ภาษาญี่ปุ่นอ่อนแอ จะมาใช้ภาษาใบ้กับ GPS ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง

Drivers License <- ไปสมัครใบขับขี่สากลได้ที่กรมขนส่งทางบกเลย ใช้ได้ในหลายๆประเทศรวมไปถึงประเทศญี่ปุ่น เสียตัง 500 มั้งถ้าจำไม่ผิด รอไม่ถึง 10 นาทีได้แล้วง่ายมาก ไม่ต้องสอบอะไรเพิ่มเติม ขอแค่มีใบขับขี่ของประเทศไทยอยู่เป็นพอ

Special Requests <- บางทีเวลาเราจองรถเนี้ย แนะนำให้ใส่เลือกรุ่นที่เราอยากได้เข้าไปในช่องนี้อีกรอบ อย่าง Nissan Class P-3 เนี้ยรูปใช้ Nissan Cube อยู่แล้ว แต่บางทีมันอาจจะมีรถรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Cube อยู่ใน Class เดียวกันก็ได้  เขาอาจจะบอกไม่การันตีรถให้ได้ว่าจะได้รุ่นไหน แต่ใส่ Special Request ไปก็กันเหนียว ใส่ไปก็ไม่เสียหายอะไรหนิ

ส่วนข้างล่างก็ติ๊กๆไปให้หมด เกี่ยวกับ Terms&Conditions ทั้งหลาย (แต่อ่านหน่อยก็ดีนะ)

 

สุดท้ายหลังจาก Confirm ไปสักพักก็จะได้ Confirmation Email กลับมา อาจจะดูกากๆ หน่อยแต่ไม่ต้องกังวลใช้รับรถได้จริงๆ

 

อีเมล์คอนเฟิร์ม
อีเมล์คอนเฟิร์ม

 

ส่วนเงินค่าเช่ารถจะยังไม่ถูกตัดบัตรนะ แต่จะต้องไปคอนเฟิร์มยืนยันบัตรอีกทีในวันที่รับรถ

อีกเหตุผลนึงที่เลือกเช่ารถ และขับรถเที่ยวเล่นที่เกาะฮอกไกโดเพราะว่า กังวลเรื่องเวลารอบเดินทางของรถไฟและรถบัส รวมไปถึงขี้เกียจแบกกระเป๋า จากประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นมาเมื่อปีที่แล้ว บางทีเราได้ไปพักในเรียวกังอย่างดี ที่แบบเฮ้ย อยากจะใช้เวลากับเรียวกังนี้อีกสักหน่อย แต่ด้วยเหตุเวลาของรอบรถไฟหรือรถบัส ก็ต้องตัดใจรีบออกจากที่พัก มันไม่ค่อนฟินส์เท่าไหร่  และที่สำคัญคือเรื่องกระเป๋า เอ้าคิดดูแบกกระเป๋าขึ้นรถบัส แบกขึ้นรถไฟ ถ้าไม่อยากแบกก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจ้าง บริษัทรับส่งกระเป๋าระหว่างเมือง ต้องไปวิ่งหา Locker ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ปวดเฮดและปวดหลังจริงๆ และข้อจำกัดนี้จะหมดไปทันทีถ้าเราเลือกที่จะขับรถเที่ยวญี่ปุ่นเอง

 

วันรับรถกับ Nissan Cube =)
วันรับรถกับ Nissan Cube =)

 

จบแล้วภาคแรกสำหรับ Hokkaido Road Trip Part1 ขับรถเที่ยวตะลุยญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด ไม่ต้องง้อทัวร์ เช่ารถเองง่ายๆ ตอนที่1

 

สรุปตอนที่ 1 สาระสำคัญ

– เลือกรถที่เหมาะสมกับจำนวนคน

– ประเมินจำนวนกระเป๋าสัมพาระให้ดี สำคัญมากสำหรับการเช่ารถ และเลือกหารถที่เหมาะสม

– English Speaking GPS นั้นจำเป็นมากสำหรับการท่องเที่ยว

– ก่อนทำการจองรถ ต้องสรุปแผนการเดินทางให้ลงตัว จะรับรถที่ไหน และส่งคืนรถที่ไหน

 

มาต่อกันเลยกับ ตอนที่2 ขับรถเที่ยวตะลุยญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด ไม่ต้องง้อทัวร์ เช่ารถเองง่ายๆ 

 

 

 

Filed Under: Travel Tagged With: Hokkaido, การเช่ารถ, การเลือกรถ, ญี่ปุ่น, ฮอกไกโด

1 สัปดาห์กับ Blackberry 10 & My first impression

February 16, 2013 by Chaiyasit Admin Leave a Comment

ในที่สุดก็เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม และได้เริ่มวางขายไปแล้วในบางประเทศ สำหรับ Blackberry รุ่นใหม่ ที่มีชื่อรุ่นว่า Blackberry Z10 ที่มาพร้อมระบบใหม่ล่าสุดอย่าง Blackberry 10

ส่วนตัวก็เคยเป็นสาวก Blackberry มาก่อนและชื่นชอบในความสะดวกสะบายในการใช้งานอีเมล์รวมทั้งชอบการใช้งานคีบอร์ดแบบที่จับต้องได้ (QWERTY Physical Keyboard) จึงค่อนข้างตื่นเต้นกับการเปิดตัวสักทีของ Blackberry 10 พอสมควร และที่สำคัญระบบปฏิบัติการ Blackberry 10 OS นี้มันคือการวางเดิมพันสุดท้ายของ RIM ที่ตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น Blackberry ไปแล้ว ในการจะหาที่ยืนในตลาดที่ Samsung และ Apple เป็นเจ้าตลาดอยู่ด้วย Android และ iPhone (iOS)

หลังจากนั้นก็เลยติดตามข่าวของ Blackberry 10 มาจนพบว่ามีคนเอา ROM ของ Blackberry 10 OS ตัวเต็มๆ ที่ใช้กับ Blackberry Z10 ในงานเปิดตัว มาปล่อยให้โหลด และแน่นอนไม่มีรอช้า ต้องรีบไปจิ๊กเครื่อง Blackberry Dev Alpha B ของบริษัทมา และจัดการลง ROM เรียบร้อยโรงเรียน JC ^o^

Blackberry Alpha B
Updating Blackberry 10 Rom

.

.

.

.

.

.

.

.

.

การอัพรอมของ Blackberry 10 รุ่นใหม่นี้ก็ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่ เสียบสาย USB ต่อเข้าคอมแล้วก็รันไฟล์ Autoload ก็เรียบร้อยแล้ว และใช้เวลาในการอัพไม่นาน

.

Blackberry 10 Boot Screen
Welcome to Blackberry!

.

.

.

.

.

.

.

.

.

และเซอร์ไพร์แรกเมื่ออัพรอมเสร็จก็คือ เฮ้ยย Blackberry 10 นั้นรองรับภาษาไทย !  “ยินดีต้อนรับสู่ Blackberry”  และที่สำคัญมันไม่ใช่ซับนรกอย่างที่เราเห็นเราเจอะกันในแผ่นหนังเถื่อน

.

Blackberry ID
Gesture Tutorials

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ถัดมา Blackberry 10 ก็จะถามถึง Blackberry ID ของเราถ้ามีก็ใส่ไปครับ ไม่งั้นก็สมัครใหม่ก็ได้ นอกจากนั้นก็จะเป็นการตั้งค่าเครื่องเบื้องต้นต่างๆ เช่น Wifi เอยอะไรเอย เราก็แบบนะอะไรกันเยอะแยะ อยากจะลองใช้แล้ว จนสุดท้ายก็ตั้งค่าไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้า Gesture ที่จำเป็น (Essential Gesture Tutorials) ซึ่งก็จะสอนการใช้งานเบื้องต้นของระบบ Blackberry 10 ซึ่งหากเราสังเกตุให้ดีจะพบว่าเจ้าเครื่อง Blackberry 10 เนี้ย มันไม่มี มันไร้ปุ่ม! ฉะนั้นเลยต้องสอนวิธีใช้กันหน่อย

 

Blackberry 10 UI & Basic Gesture Controls

หลังจากที่ได้ลองเล่นเจ้า Blackberry 10 มาได้สักสัปดาห์นึง ก็ต้องบอกว่าชอบมาก มันคือสิ่งใหม่ใหม่ทุกอย่าง ฉีกความเป็น Blackberry รุ่นเก่าดั้งเดิมทิ้งทั้งสิ้น จะบอกว่ามันถูกสร้างใหม่จากเริ่มต้นเลยทีเดียว ก็จะขอสรุปคร่าวๆ ว่ามีส่วนที่ชอบและไม่ชอบอย่างไรบ้าง

เริ่มต้นด้วยส่วนที่ชอบละกัน

UI

การใช้งาน UI แบบไร้ปุ่มคือใช้ Gesture Controls นั้นก็ต้องบอกว่าลื่นไหล ใช้งานทั่วไปได้รวดเร็ว เรียนรู้ไม่ยากและค่อนข้างสนุกในการใช้ ให้ความรู้สึกเหมือนไปถอดร่าง Nokia N9 (MeeGo) มายังไงอย่างงั้น ชอบความรู้สึกเวลา Swipe ขึ้นลงและปัดไปม่ะนั้นแหละ

Thai Supported

อย่างที่บอกว่า ค่อนข้างประหลาดใจพอสมควรที่พบว่า Blackberry 10 รองรับภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์และสมบูรณ์จริงจัง ทั้งการแสดงผลเมนูในภาษาไทย การแสดงผลบน Web Browser และที่สำคัญ Thai Keyboard ที่ติดมากับ Blackberry 10 พร้อมฟังชั่น Auto Correction ที่ฉลาด เรื่องนี้ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 100 เลยดีกว่า โดยเฉพาะยิ่งอย่าเอาไปเทียบกับ Windows Phone 8 เชียวนะ ขอแซะหน่อย

BBM

ลืมกันไปหรือยังกับ Blackberry Messaging ซึ่ง BBM ตัวใหม่ที่มาพร้อมกับ Blackberry 10 นี้เจ๋งมาก ชอบมาก และทีเด็ดมาก มันอาจจะไม่ได้มาพร้อม Stickers หลายหลากมากมายเหมือน Line หรือจะ Cross-platform ตัวแรกๆ อย่าง Whatsapp แต่ BBM นี้มาพร้อมฟังชั่นและฟีเจอร์เด็ดๆ เช่น

BBM Voice (คือการโทรคุยผ่าน BBM ได้เลย)

BBM Video (คือ Video Call แบบเห็นหน้ากัน เหมือน Facetime / Skype)

และทีเด็ดเลยก็คือ BBM Screen Share คือการที่เราสามารถแชร์หน้าจอของเราให้เพื่อนดูได้ ในขณะที่เรากำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่

ลองเล่นมาทั้ง 3 ตัว พบว่าประสิทธิภาพ เมื่อใช้งานกับ Dtac 3G ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว

BBM VIDEO
BBM Screen Share

.

.

.

 

 

ส่วนข้อด้อย

Apps

ด้วยการที่ Blackberry 10 ยังเป็น OS ใหม่ ฉะนั้นเริ่มต้นอาจจะมี App ไม่มาก โดยเฉพาะ Line, Whatsapp หรือ MOLOME ที่เราคนไทยชื่นชอบ 😛

แต่การที่เริ่มต้น Blackberry 10 ก็มาพร้อมกับ Twitter, Facebook, Foursquare, Linkedln ซึ่งจะเป็น basic social networking app ที่หลายๆคนพึงจะมีก็พอถูไถใช้ได้สำหรับสาวก Blackberry รวมไปถึงที่ Blackberry 10 ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จึงมีแนวโน้มที่ดีว่า App ต่างๆจะไหลมาเทมาในระยะเวลาอันใกล้

ส่วน Android App ที่สามารถนำมาใช้งานบน Blackberry 10 ได้นั้นก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกนึง ซึ่งพอใช้งานได้ แต่ไม่ได้ใช้งานได้ดีเต็ม 100% นะครับ

 

FINALLY

ผมมองว่าจุดที่แตกต่างที่สุดระหว่าง Blackberry 10 / Android / iPhone ก็คือ เรื่อง Communication หรือสิ่งที่ Blackberry เรียกตัวเองว่า Blackberry Hub ซึ่งมันคือ Concept การรวม Communication channels ที่ใ้ช้ในชีวิตประจำวัน มารวมอยู่ในจุดเดียวเช่น Email, SMS, Facebook, Twitter, Calls, Voice Mails, etc.

ส่วนอนาคตของ Blackberry 10 จะเป็นเช่นไร มันก็คงอยู่ที่ Blackberry เองว่าจะขาย Product ของตัวเองยังไง จะหาจุดขายจุดที่จะหยิบยกขึ้นมาชู ด้วยที่ตัวเองก็มีดีพอสมควร ซึ่งความเห็นส่วนตัวผมให้ Blackberry 10 มีภาษีดีกว่า Windows Phone 8 อยู่หลายช่วงตัวนะครับ

Filed Under: Tech Tagged With: Blackberry 10, Blackberry Z10

When i was young… อยู่ๆก็นึกถึงตัวเราสมัยเป็นเด็ก

February 12, 2013 by Chaiyasit Admin Leave a Comment

ตอนเด็กๆ ฉันชอบที่จะหลับตาพริ้ม ให้สายตานั้นมองเห็นแต่ความมืด และทุกๆครั้งที่ฉันหลับตา ฉันก็จะจินตนาการว่ามีดวงดาวระยิบระยับอยู่ในนั้น

ตอนเด็กๆ ฉันชอบที่จะคิดอะไรอยู่ในหัวของฉันคนเดียว คิดเป็นเรื่องเป็นราวเป็นตุเป็นตะ และชอบที่จะอมยิ้มหรือบางทีก็หัวเราะ ฮะ ฮ้า ฮ่า ออกมาเบาๆ

ตอนเด็กๆ ฉันชอบกินข้าวขาหมู โดยฉันจะตักข้าวเยอะๆ ใส่ลงไปในถ้วยแบบจีน และฉันจะตักน้ำขาหมูราดข้าวให้ชุ่ม พร้อมหนังหมูนุ่มๆ โปะลงบนข้าวไม่กี่ชิ้น และกินด้วยตะเกียบตามพระเอกหนังจีนที่ดูในทีวี

ตอนเด็กๆ ฉันชอบที่จะเดินเล่นไปตามซอกซอยต่างๆแถวบ้าน เพราะฉันอยากรู้ว่าแถวๆบ้านฉัน มีอะไรอยู่บ้าง และฉันชอบหาทางลัด แต่ฉันไม่ค่อยจะหลงสักเท่าไหร่ เพราะฉันกลัวหลงทางเป็นที่สุด

ตอนเด็กๆ ฉันชอบกินแตงกวามาก (คุณแม่เล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าหยิบมาแทะเล่น) แต่ปัจจุบัน แค่มีกลิ่นแตงกวาในอาหาร ฉันก็ไม่กินแล้ว

ตอนเด็กๆ ฉันชอบขึ้นไปห้องนอนของพี่ๆ แล้วไปค้นกล่องเทปคาสเสตของพี่มานั่งฟัง ทำให้ฉันรู้จักเพลงเก่าๆ เกินอายุฉันมากมาย

ตอนเด็กๆ ฉันชอบซื้อตัวต่อ LEGO แต่ฉันไม่เคยต่อมันได้ตามแบบเลยสักครั้ง เพราะฉันจะออกนอกลู่นอกทางไปต่อ เป็นยานอวกาศแบบของตัวเองกระหลั่วๆ

ตอนเด็กๆ ฉันชอบคิดถามว่า ถ้าฉันไม่ได้เกิดมาเป็นฉัน แล้วฉันจะเป็นอะไร และสุดท้ายจะจบลงด้วยภาพทะเลมีคลื่นซัดในจินตนาการ แล้วหลับไป

ตอนเด็กๆ ฉันชอบอากาศเย็นๆ ที่บ้านฉันจะมีแอร์แบบตั้งพื้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพิงกำแพงไว้ ฉันจะขึ้นไปนอนบนแอร์ และเอี้ยวตัวรับลมแอร์ในทุกช่องเท่าที่จะทำได้

ตอนเด็กๆ ฉันชอบหมอนของคุณแม่มากที่สุด ชอบกลิ่นแชมพูที่ติดอยู่บนหมอน และฝันไว้ว่าถ้าจะมีแฟนก็อยากให้หมอนของแฟนมีกลิ่นหอมเหมือนคุณแม่

สุดท้ายแม้ว่าตอนเด็กๆ ฉันจะตาตี่ แต่ปัจจุบันฉันก็ยังตาตี่อยู่ดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Filed Under: Myself

Nexxone Capri 2 : iPad2 case

May 28, 2012 by Chaiyasit Admin 1 Comment

–

หลังจากได้ New iPad สีดำมาอย่างไม่คาดฝัน ( ต้องขอบพระคุณคุณพี่ @chaiyosart ที่ซื้อกลับมาเป็นของฝากให้จากประเทศสหรัฐอเมริกา ) และด้วยเหตุที่ได้เครื่องมาก่อนเครื่องศูนย์จะเข้า ทำให้ตอนนั้นค่อนข้างยากลำบากในการหาเคส New iPad ดีดีสักอันมาใช้งาน เดินเข้าไป iStudio สาขานู้นๆนี่ๆ ก็เจอแต่เคสที่ดีไซน์มาสำหรับ iPad2 ส่วนที่มาบุญครองมีขายก็เป็นเคสของจีนที่เราก็ไม่ได้อยากได้แบบนั้นมาใช้ เพราะยังไม่ถูกใจแล้วไม่อยากจะเปลี่ยนเคสบ่อยๆ ( แอบเบื่อเลือกนั้นเอง )

และอยู่มาวันหนึ่งเราก็ได้เสียง DM สวรรค์จากคุณพี่นู๋ดี @9LivesNoodee ว่า “เนี้ยพี่มีเคสพรีวิวเหลือ สนใจไหม” ถ้าสนใจก็บอกพี่เขาได้เลย…

แหนะ อ้อยมาจ่ออยู่ปากช้างแล้วจะเหลือหรอ?

งั๊บบบบบ!!!

–

NeXXone Capri2

–

เคส iPad2 ของ Nexxone Capri2 ก็หลุดลอดมาอยู่ในกำมือของเราอย่างเนียนๆ และแว๊บแรกเห็นเราก็แอบชอบความดุดัน เรียบร้อย ดูมีสไตล์อย่างเรียบง่าย และเหมาะสำหรับการเดินพกถือไปพรีเซ้นงานหน้าชั้นหรือในที่ประชุม ให้อารมณ์ดูดีมีการศึกษาทำนองนั้น

นี้เรามาซูมดูใกล้ๆหน่อยดีกว่าว่าวัสดุนี้มันใช่หนังอย่างที่ว่าหรือเปล่า ( พูดจริงๆ ดูไม่เป็น ) และจะได้แอบโชว์ยี่ห้อด้วย เนียนไหม?

–

Nexxone Capri2 : ZOOM

–

บางคนอาจจะงงๆ ว่าเอ่ะ ไหนว่าได้ New iPad มา แล้วทำไมถึงเอาเคสของ iPad2 มาใช้ ก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนว่า New iPad เนี้ยจะมีความหนามากกว่า iPad2 อยู่ราวๆ 0.6 มิลลิเมตร และตอนแรกก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันจะใส่ได้จริงๆหรอ แต่ก็เห็นอย่างภาพนะว่าใส่ได้ อาจจะออกแนวบังคับขืนใจนิดหน่อยในช่วงแรกในการยัดเข้าไป แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ ใส่ไปสักพักมันก็ไม่ฝืดล่ะ เอ่ะ o_O ….

เปลี่ยนเรื่องมาดูมุมด้านหลังของเคสดีกว่า ว่าหล่อเข้ม สาวมั่นแค่ไหน

–

Nexxone Capri2 : Rear View

–

หลังจากดูมุมด้านหลังของเคสแล้ว เราคงสังเกตุเห็นว่า แม้เคสมันจะไม่ได้ครอบคลุมทุกส่วนของตัว iPad แต่มุมสำคัญๆ ทุกมุมนั้นมีส่วนขอบของเคสนั้นป้องกันอยู่ 4 มุมหลัก และ 2 มุมบนและล่าง ส่วนด้านซ้ายและขวาก็มีขอบขึ้นมา ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่า ถ้าหากเราเผลอทำตกไม่ว่าจะท่าตีลังกา หรือตีโค้งยังไง iPad เราก็จะปลอดภัยจากรอยบุบและรอยถลอกได้ค่อนข้างแน่นอน ( ใช้มายังไม่บุบไม่ถลอกเลย )

คราวนี้มาดูมุมบนและมุมล่าง ดูความสะดวกในการใช้งานช่องต่างๆ ของ iPad กัน

–

Nexxone Capri2 : Top View

–

มุมด้านบนจะเห็นว่าตัว Nexxone Capri2 ถูกดีไซน์ให้สามารถใช้งานจาก (ซ้าย) ช่องเสียบหูฟัง มาที่ (ขวา) ปุ่มเปิดปิด On/Off รวมไปถึง ปุ่ม Volume และ ที่เลื่อนเอนกประสงค์ Toggle Mute / Vibrate ได้สะดวกสบายมาก รวมไปถึงช่องของกล้องถ่ายรูปก็สามารถใช้งานได้ทันทีไม่จำเป็นตัวขยับตัวเคสขึ้นหรือลงเหมือนกับเคสของ Moshi Concerti

ที่นี้มาดูมุมด้านล่างของเคสกันบ้าง

–

Nexxone Capri2 : Bottom View

–

ส่วนด้านมุมล่างสุดของเคส ชัดเจนมากสำหรับตรงกลางช่องสำหรับต่อสายชาร์ตหรือสาย Sync แล้วด้านมุม (ซ้าย) สำหรับรูลำโพง  … โอ้ย ชอบแหะ

หลังจากดูครบหมดแล้วคราวนี้มาดูเวลาใช้งานกันบ้าง

–

Nexxone Capri2 : Open Case

–

การเปิดเคสก็เปิดเหมือนเปิดหนังสือนะ เปิดจากขวาไปซ้ายโดยใช้นิ้วดันตัวล็อค มันเล็กน้อยในการเปิด และความรู้สึกในการเปิดปิดเคส Nexxone Capri2 นั้นก็ต้องบอกเลยว่า รู้สึกแข็งแรงทนทานและราบรื่นมากและที่สำคัญตัวแม่เหล็กที่เอาไว้เปิดปิดหน้าจออัตโนมัติ Smart Cover ก็สามารถใช้งานกับตัว New iPad ได้นะครับสำหรับเคสนี้ ส่วนวัสดุด้านในก็จะเป็นเหมือนขนนุ่มๆๆ สักอย่าง ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าคืออะไร แต่มันก็สามารถป้องกันรอยขีดข่วนให้กับ iPad ของเราได้ดีเลยล่ะ

หากสังเหตุกันให้ดี เราจะเห็นว่าตัวล็อค iPad ของ Nexxone Capri2 นี้จะมีด้วยกัน 6 จุด บนขวา กลางบน และบนซ้าย และด้านล่างก็เป็นเช่นเดียวกัน ซึ่ง 6 จุดนี้ก็เป็นตัวขอบเอาไว้ป้องกันมุมต่างๆของ iPad ด้วย ซึ่งสำหรับ New iPad นั้นเราไม่สามารถล็อคเครื่องกับจุดบนซ้ายและล่างซ้ายได้…. เพราะว่าตัวเครื่องมันหนากว่า iPad2 นั้นเอง! …..

ซึ่งตรงนี้ผมได้ลองเอา iPad2 ของคุณแฟนมาทดลองใส่เคส Nexxone Capri2 ตัวนี้ดูก็ปรากฏว่าสามารถใส่เครื่องได้ครบทั้ง 6 ตัวล็อค โดยใช้นิ้วดันตัว iPad เข้ากับมุมบนซ้ายและล่างซ้ายลงไปได้ เข้าล็อคพอดี ในขณะนี้ New iPad ยัดไม่ลงนะครับ….

อาจจะฟังดูแย่… แต่หารู้ไม่ว่าเวลาใช้งานจริงแล้ว ผมกลับแฮปปี้ที่จะไม่จำเป็นต้องล็อค iPad ของเราไว้กับตัวล็อคครบทุกตัวนะ ด้วยเหตุผลอันใดไว้จะอธิบายต่อถึงการใช้นะ

การใช้งาน Nexxone Capri2 นี้เราสามารถปรับมุมมองได้ถึง 4 ระดับตามนี้

–

Nexxone Capri2 : 4 Angles Stand

 –

ซึ่งส่วนใหญ่จากการใช้งานในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผมชอบใช้แบบที่ 3 มากที่สุดเลยไม่ว่าจะนอนบนเตียงเล่น นั่งที่โต๊ะทำงาน หรือที่โต๊ะกินข้าว …. และสังเกตุไหมว่าเวลาเราจะตั้งเจ้า iPad ของเราโดยใช้เคส Nexxone Capri2 เนี้ย เราต้องปลดล็อคตัวล็อคด้านบนซ้ายและด้านล่างซ้ายออก เพื่อจะนำขอบตรงนั้นของ iPad มาตั้งนั้นเอง ซึ่งมันเป็น 2 จุดที่ New iPad ไม่สามารถยัดลงไปได้…. ทำให้เวลาใช้งานจริงๆเนี้ยมันช่างสะดวกสบายมากเลย เพราะตอนที่ผมลองเอา iPad2 มาใช้นั้นค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อยที่ทุกครั้งที่ผมจะตั้ง iPad เนี้ยผมต้องมานั่งแกะมุม 2 มุมนี้ออกซึ่งมันต้องใช้แรงพอสมควร….

และสุดท้ายนี้ขอฝากไว้นิดว่านอกจากการตั้ง iPad 4 มุมแล้วเนี้ย เจ้าเคส Nexxone Capri2 ยังมีอีก 1 ไม้ตายที่ผมก็ชอบใช้งานเช่นกัน คือการวางแนบกับโต๊ะโดยทำมุมเล็กน้อย เพื่อเหมาะกับการพิมพ์ Virtual Keyboard บน iPad นั้นเอง

–

Nexxone Capri2 : Typing Angle

 –

สรุปว่า

เคส Nexxone Capri2 เนี้ยแม้ว่ามันจะถูกดีไซน์ออกมาให้ใช้งานได้กับ iPad2 ผมกลับไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นะกับการใช้งานกับ iPad2 ด้วยเหตุที่ว่าผมใช้งานการตั้ง iPad เป็นแบบแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง แล้วจะต้องเสียเวลามานั่งแกะมุมตัวล็อคออก ซึ่งมันต้องใช้แรงพอสมควรแบบเบาๆ ในขณะที่หาก เคส Nexxone Capri2 ตัวนี้นำมาใช้งานกับ New iPad จะไม่พบปัญหาตรงนี้เลย และแม้ว่าจะใช้ตัวล็อคแค่ 4 จุดจากทั้งหมด 6 จุด มันก็พอเพียงแล้วที่จะไม่ทำให้ New iPad ผมหลุดหรือหล่นออกจากเคส อาจจะเป็นเพราะที่ว่าใส่เข้าไปแล้วมันจะฟิตกว่าทั่วไปเพราะว่า New iPad มันหนากว่า iPad2 หนิ….

ผมขอฟันธงด้วยประสบการณ์การใช้งานของผมว่า 

==Nexxone Capri 2 ; iPad2 case which suits more on New iPad==

Filed Under: Tech Tagged With: ipad2, Nexxone Capri2

Game Of Thrones – The White Horse Hero (Man Of Honor)

April 16, 2012 by Chaiyasit Admin Leave a Comment

.

Game Of Thrones – The White Horse Hero

.

From Wikipedia

 

สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้ไปไหน จริงๆไม่ว่าจะปีไหนๆก็ชอบที่จะอยู่เฝ้าบ้านอยู่แล้ว ปล่อยให้พี่ๆน้องๆพ่อแม่ออกไปลั้นล้าเที่ยว ก็เลยมีเวลาว่างได้จับหนังซี่รี่เรื่องนู้นเรื่องนี้มานั่งดู ซึ่งปีนี้เราก็ได้ดูจบไปหลายเรื่องแล้วที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็น The Walking Dead, White Collar, Gossip Girl หรือ Spartacus ดูจบซีซั่นแล้วก็ต้องมารอซีซั่นใหม่ตอนปลายปีทั้งนั้น หวยปีนี้จึงออกมาที่เรื่อง Game Of Thrones

 

ใช้เวลา 2 วันในการดูจบทั้งซีซั่นซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 10 ตอน (กว่าจะตื่นก็เที่ยงละ) ดูจบก็อื้มม รู้สึกว่าเฮ้ยเรื่องนี้มันดึงเอาความจริงเอาสัจธรรมอะไรหลายๆอย่างออกมาแสดงออกมาบอกกล่าวได้อย่างดี

 

สัจธรรมเกี่ยวกับการอยู่รอด การแย่งชิงอำนาจ ว่าในบางสถานการณ์หรืออย่างในเรื่องซึ่งเป็นสถานการณ์แย่งชิงอำนาจระหว่าง Queen จากแลนนิสเตอร์และ เน้ด ผู้เป็นมือขวาของกษัตริย์โรเบิร์ตที่สวรรคตไป เน้ด ผู้่ซึ่งในเรื่องนั้นถูกยกให้เห็นว่าเป็นตัวละคร “Man of Honor” ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม นับถือความถูกต้อง และเป็นผู้มีเมตตา ซึ่งในมุมมองใครต่อหลายคนเรามองว่า คนนี้แหละคือ อัศวินขี่ม้าขาว คนนี้แหละที่จะช่วยรวมอาณาจักรทั้ง 7 ให้เป็นบึกแผ่นแน่นแฟ้น และยอมรับว่าตัวเองเนี้ยก็มองว่า เน้ด นี้แหละคือพระเอกของเรื่อง ตัวละครให้ฝันเลยทีเดียว แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่พลิกผันทำให้ชะตาของเน้ดต้องขาดไป …. แน่นอนเลยว่า อึ้งง อิ้งง เลยทีเดียวว่า เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้แต่หลักจากอาการอึ้งของเราได้ 5 วินาที เราก็พอจะเข้าใจถึงสัจธรรมในการอยู่รอด ของการแย่งชิงอำนาจแบบนี้ขึ้นมา

 

ในบางสถานการณ์เนี้ย ความดี ความมีคุณธรรม ความถูกต้อง มันไม่สามารถเอาตัวเองรอดได้หรอก บางทีมันก็ต้องมี Dirty Hand  ซึ่งบางทีอาจจะไม่ใช่ตัวเราเองที่ต้องทำ อาจจะเป็นคนอื่น คนใด หรือจะเป็นมือที่ 3 ก็ได้แต่ประเด็นคือ Done what must be done ซึ่งซีรี่เรื่อง Game Of Thrones นี้เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ได้ดีทีเดียว

 

แต่ที่พูดไปข้างบนนี้ไม่ใช่หมายความว่าคนดี คนมีคุณธรรม ไม่ดีไม่ควรเป็นแต่คือ ถ้าเน้ดอยู่ในสถานการณ์ที่ในสภาหรือในวังในอาณาจักรนั้นราบรื่นเข้มแข็ง ไม่มีการแย่งชิงอำนาจกัน คนอย่างเน้ดก็จะเป็นบุคคลที่นำพาให้อาณาจักรนั้นเจริญรุ่งเรืองและปกครองได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยที่ตัวเน้ดเองนั้นเป็นคนที่ชัดเจน และเข้มงวด มีคุณธรรม

 

พอนั่งๆคิดๆไปแล้วจริงๆ เหตุการณ์บางทีการแย่งชิงอำนาจนั้นมันก็คล้ายๆกับเหตุการณ์ในปัจจุบันบ้างไม่มากก็น้อย แล้วก็นึกถึงเราที่บางทีก็ฝันถึงอัศวินขี่ม้าขาวผู้ทรงคุณธรรม ที่จะมาช่วยคลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆ แต่บางทสำหรับเหตุการณ์ปัจจุบันถ้าหากว่าเราจะมีอัศวินขี่ม้าขาวจริงๆ บางทีเราอาจจะต้องการอัศวินขี่ม้าที่ไม่ขาวสักทีเดียวอาจจะเป็นอัศวินที่ขี่ม้าสีเทา หรืออัศวินคนนั้นคงต้องมีบุคคลินิสัยที่คล้ายๆกับตัวละครในสามก๊กที่ชื่อว่า “โจโฉ” ผู้ซึ่งเป็นนักปกครองและเป็นผู้นำ และกล้าที่จะต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ และท้ายที่สุดก็ได้คำกล่าวขานว่า “ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ”

 

 

From HBO.COM
Ned Stark (HBO.COM)
FROM SAMKOK.911mb.com
โจโฉ (SAMKOK.911mb.com)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Filed Under: Book Tagged With: Game Of Thrones, man of honor, Ned Stark, ศึกชิงบัลลังค์, โจโฉ

  • « Go to Previous Page
  • Go to page 1
  • Go to page 2
  • Go to page 3
  • Go to page 4
  • Go to page 5
  • Go to page 6
  • Go to Next Page »

Primary Sidebar

LIVE ONCE

Search

Recent Posts

  • คุ้มไหม? กับสิทธิประโยชน์บัตร American Express Platinum ปี 2018 กับค่าธรรมเนียมรายปี 35,000 บาท
  • Wat Mahathat Worawihan in 10 Photos (Ratchaburi)
  • มากิน Haidilao Steamboat สุกี้สัญชาติจีน การบริการหลุดโลก 313@Somerset
  • X2 River Kwai Kanchanaburi In The Morning Photo Gallery
  • ประเดิม 10 km แรกกับ Nike Zoom Fly เปรียบเทียบกับ Asics Nimbus 19

Copyright © 2023 · Metro Pro on Genesis Framework · WordPress · Log in