.
เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2012 ที่ Apple ได้กระโดดเข้ามาร่วมวงในตลาด e-textbooks (ตำราเรียน) โดยจับมือกับ 3 ค่ายหนังสือเรียนยักษ์ใหญ่จาก
1) Pearson PLC
2) McGlaw-Hill Cos Inc
3) Houghton Mifflin Harcourt
ซึ่งแค่ 3 สำนักพิมพ์นี้ก็ยึดตลาด Textbooks ในอเมริกาไปกว่า 90% แล้ว!!!
และการเข้าแจมตลาด e-book นี้ Apple มี Strategy โดยเน้นไปที่ textbooks เราจะเรียกว่า e-textbooks นะครับเพราะว่ารูปแบบการลุยตลาดจะเป็นอยู่บน iPad นั้นเอง โดย Apple จะสร้าง Platform ขึ้นมารองรับโดยผ่าน iBooks 2 App ที่สามารถดาวโหลดได้ฟรีผ่าน Apple Store
การใช้งาน iBooks 2 นี้ก็ใช้ง่ายมาก เพียงกดเข้า App แล้วเลือกซื้อหนังสือหลังจากกดซื้อแล้ว เจ้าหนังสือนี้ก็จะถูกส่งผ่านแบบ OTA (Over the air) เข้ามาที่ iPad ของเราและพร้อมใช้งานได้โดยทันที
เบื้องต้นตลาด e-textbooks นี้นักวิเคราะห์ทั้งหลายประเมินว่ามีมูลค่าตลาดทั้งสิ้นอยู่ที่ 8,000 ล้านเหรียญ (USD) หรือราวๆ 24,000 ล้านบาทเท่านั้นเอง
แล้วจากข่าวนี้อะไรละที่ทำให้ผมคิดหรือตื่นตระหนกไปเองว่า Apple กำลังเดินก้าวต่อไปที่สำคัญในการจะครองโลกอย่างแยบยล…
.
ปัจจุบันตอนนี้ iPhone ก็คือ Smartphone เครื่องๆหนึ่งที่คนซื้อเพราะว่ามันใช้งานง่าย, มันมี Design, มันเป็น Lifestyle, มันเป็นสิ่งประจำวัน รวมไปถึงคนซื้อเพราะชอบและหลงในศาสดา Steve Jobs และมนต์ขลังของ Apple แต่…. คนไม่ได้ซื้อเพราะว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น
ตรงนี้และจุดนี้ทำให้ Steve Jobs เมื่อปีก่อนมองเห็นว่า ทำไมเราไม่ทำให้ iPad มันเป็นสิ่งที่จำเป็นเสียล่ะ แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนทั่วไป ควรจะเริ่มต้นจากจุดไหนดี….
และจากบทสัมพาษท์ของ Philip Schiller (Senior Vice President ของ Apple) เขามองว่า
.
“ปัจจุบันระบบการศึกษาอยู่ในยุคมืด และหนังสือและตำราเรียนมันทั้งใหญ่และหนักและเป็นอุปสรรคหนึ่งในการเรียนรู้”
.
และแน่นอนว่าการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น ตรงนี้มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ล้ำลึกมาก เป็นกลยุทธ์ที่บุกตลาดรากหญ้าแบบจริงจัง และเมื่อมองจากจำนวนนักเรียนในระบบของอเมริกาที่มีอยู่ถึง 55.5 ล้านคน จาก 130,00 โรงเรียน แน่นอนว่าจำนวน iPad ที่เป็นฐานตลาดอยู่นั้นมีเพียง 2.7% เท่านั้นเองและยังเป็นตลาด Blue Ocean ที่ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก จึงเป็นโอกาสที่ Apple จะได้บุกเพื่อไปยึดหัวหาดและครอบครองตลาดได้โดยไม่ยากเย็น
.
.
ตรงนี้หลายคนอาจจะค้านว่า Amazon Kindle ไงที่เป็นเจ้าตลาด Ebooks อยู่ในปัจจุบัน ไม่ผิดครับเพียงแต่ว่ามันคือ Ebooks ที่ไม่ใช่ E-textbooks… ด้วย Limitations ที่ Amazon มีนั้นคือ Limitations เกี่ยวกับ Responsiveness และ Interaction ของ Kindle Device ที่เหมาะสมเพียงแค่ใช้ในการอ่าน Content ต่างๆ ที่ไม่หวือหวา เช่น นวลนิยาย นิตยสาร หนังสือพิมพ์ และอื่น ขณะที่ iPad ของ Apple นั้นสามารถที่จะแสดงผล Voice, Video, Graphical Contents, Effects, อะไรต่างๆ ที่ทำให้เนื้อหาการเรียนรู้น่าสนใจ และที่แน่นอนความเร็วในการ Responsive รวมไปถึงความสามารถด้าน Touchscreen ที่ไม่เป็นรองใครก็เป็นอีก Advantage Edges ที่ Amazon Kindle สู้ไม่ได้
ซึ่งการบุกตลาดการศึกษาและหวังที่จะให้ iPad เป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษานั้น หากว่า Apple สามารถทำได้ขึ้นมานั้น ผมล่ะไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากอุปกรณ์ Gadget ที่เป็นสิ่งไม่จำเป็น ก็จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นโดยทันที และฐานผู้ใช้ที่ Apple จะได้มาจากจุดนี้ก็จะเป็นเยาวชนของชาติ นักเรียน นักศึกษา จำนวน App และจำนวน Textbook รวมไปถึง Contents อะไรต่างๆนาๆ ก็จะยิ่งทวีคูณขึ้นไปสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบ Ecosystem ของ iOS ในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับ Apple
และแน่นอนระบบการศึกษาของอเมริกานั้นเป็นแม่แบบ ให้ระบบการศึกษาในหลายๆประเทศทั่วโลก หากว่า iPad สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษาในอเมริกาได้แล้ว ประเทศต่างๆก็ย่อมที่จะก็อปปี้และ Develop ระบบนั้นมาใช้งานในประเทศของตนเอง จากตลาดภายในประเทศก็จะกระจายสู่ตลาดโลกในทันใด
…
ที่นี้ผมจะพูดถึงความเป็นไปได้เช่น Opportunities และ Limitations เกี่ยวกับเรื่องนี้
…
Opportunities
…
ประเด็นแรก เขาประเมินว่าปัจจุบันนี้มี iPad ที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาอยู่ราวๆ 1.5 ล้านเครื่อง และมี App ที่เกี่ยวกับการศึกษาอยู่ใน Apple Store ราวๆ 20,000 apps และขอเน้นว่าตัวเลขเหล่านี้เกิดขึ้นโดย Demand และ Users Driven ที่ Apple ไม่ได้ลงทุนทางด้านนี้สักแดงเดียว Apple ไม่ได้จ้างบริษัทไหนให้พัฒนา Educational Apps ออกมาสู่ตลาด และ Apple ไม่ได้ทำการตลาด Marketing ด้านนี้ด้วยซ้ำ
คำถามก็คือ ถ้าเกิดว่า Apple ตัดสินใจลุยตลาดด้าน Education Industry บุกโรงเรียน High Schools ต่างๆ อย่างเต็ม 100% ตลาดมูลค่า 8,000 ล้านเหรียญจะตอบรับเช่นไร ?
.
ประเด็นที่สอง ราคาหนังสือ Textbook โดยเฉลี่ยในระดับ High School หรือ K-12 ของอเมริกาอยู่ที่ราวๆ $75 ต่อเล่มและมีระยะเวลาใช้งานต่อเล่มอยู่ที่ราวๆ 5 ปี ขณะที่หากเทียบกับราคาหนังสือต่อเล่มบน iBooks 2 นี้จะตกอยู่ที่ราคาต่อเล่มไม่เกิน $15 และอย่าลืมว่า App นึงสามารถแชร์ผ่านเครื่องได้ 5 Devices ฉะนั้นพี่ๆน้องๆ ก็สามารถใช้ร่วมกันได้
(ประเด็นนี้ยังไม่ได้ลองนะครับ ว่า Apple มีล็อคตรงนี้ไว้หรือเปล่าใน iBooks 2)
ราคาที่ $75 เทียบกับ $15 ต่อเล่ม และนักเรียนต่างๆ ไม่จำเป็นต้องแบกหนังสือเล่มหนาๆ หนักๆ เดินไปมาตามห้องเรียนต่างๆ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนมากๆ ทั้งในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายและความสะดวกสบายในการเดินทาง
คำถามก็คือ $15 นี้มันคุ้มไหม นักเรียนนักศึกษาพร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ไหม
…..
ประเด็นที่สาม จะเกี่ยวกับ Contents ว่าจะครอบคลุมตำราเรียนได้ขนาดไหน อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ข้างบนว่า Apple ได้จับมือเป็น Partner กับ 3 สำนักพิมพ์ใหญ่ของอเมริกาที่ครองตลาดตำราเรียนอยู่ถึง 90% และสำนักพิมพ์ต่างๆเหล่านี้กำลังจะปล่อย E-textbooks เวอชั่นของวิชาต่างๆเช่น Algebra, ฟิสิกส์, เคมี, Geometry, Biology และอื่นๆ รวมไปถึง DK Publishing ที่ล่าสุดก็กำลังจะปล่อยหนังสือต่างๆ สำหรับเด็กเล็ก เช่น My First ABC, Mammals, และเล่มอื่นๆอีก
.
.
หาก Apple สามารถที่จะสร้างดีลที่ Win-Win ให้กับ Partnership เหล่านี้ได้ ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะว่าจากข่าวที่ได้ติดตามอยู่นั้น Apple จะขอแชร์ส่วนแบ่งจากการขายหนังสืออยู่ที่ 30% อีก 70% ที่เหลือ ไม่แน่ใจว่าจะเข้ากระเป๋าสำนักพิมพ์เหล่านี้เต็มๆหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น่าจะทำให้สำนักพิมพ์เหล่านี้พอใจ
….
Limitations
….
แน่นอนเมื่อมันมีโอกาส มีความเป็นไปได้ ก็ต้องมีอุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา
ประเด็นแรก คือ ราคาของ iPad ที่ปัจจุบันราคาต่ำสุดอยู่ที่ $499 หรือราวๆ 15,000บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ใช่ทุกคนสามารถหาซื้อได้ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอเมริกาในปัจจุบันที่ย่ำแย่ซึ่งมีผลกระทบต่องบประมาณของรัฐบาลและเงินในกระเป๋าของประชาชน
ประเด็นสอง ละ ความพร้อมของระบบการศึกษาในอเมริกา ว่ามีความพร้อมเพียงพอต่อการใช้เทคโนโลนีต่างๆเข้ามาในการเรียนการสอนหรือเปล่า รวมไปถึงบุคคลากรด้วยเช่นกัน
ประเด็นที่สาม ก็คือ ความจุของ iPad นั้นเพียงพอต่อ e-textbooks หรือไม่ เพราะโดยเฉลี่ยแล้วขนาดไฟล์ของหนังสือ e-textbooks หนึ่งเล่มนั้นอยู่ที่ 1 GB ฉะนั้นหากรุ่นต่ำสุดของ iPad ก็คือ 16GB ก็สามารถจุหนังสือได้ราวๆเพียง 13-14 เล่มเท่านั้นเอง
.
Interesting Update
หลังจากการเปิดตัว iBooks 2 แค่ 3 วัน ยอดดาวโหลด e-textbooks นั้นอยู่ที่ 350,000 ครั้ง รวมไปถึงยอดการดาวโหลดโปรแกรมสร้าง iBooks Author อยู่ที่ 95,000 ครั้ง
.
References
http://www.reuters.com/article/2012/01/19/us-apple-education-idUSTRE80I1EX20120119 : Apple jumps into digital textbooks fray
http://www.reuters.com/article/2012/01/19/idUS316729706320120119 : Apple to invade schools, Takes Aim At Textbook Market
http://gizmodo.com/5877512/apples-ibook-2-textbooks-arrive-today-for-15 : Apple’s iBooks 2 Textbooks Arrive Today for $15
http://www.ibtimes.com/articles/284898/20120120/apple-s-ibook-2-why-american-education.htm : Why the American Education System Isn’t Ready for the e-Textbooks Strategy
http://www.ibtimes.com/articles/286274/20120123/apple-ibooks-2-users-downloaded-350k-ipad.htm : Apple iBooks 2, Why Users Downloaded 350K in 3 Days