ก่อนการเดินทาง เชื่อว่าหลายๆคนก็คงเตรียมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป รวมไปถึงตำแหน่งร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม ตำแหน่ง Lat Long รวมไปถึงชื่อภาษาญี่ปุ่น และบางคนรวมไปถึงเราด้วย ก็จดชื่อภาษาอังกฤษของสถานที่นั้นๆ หวังที่จะมาใช้งานตามสไตล์ GPS แบบไทยๆ ที่เราพบเห็นกันใน Garmin หรือ GPS ยี่ห้ออื่นๆ …..
อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ว่ารถที่เราจะใช้เป็นพาหนะคู่ใจทริปญี่ปุ่น ท่องเที่ยวตะลุยฮอกไกโด รอบนี้คือ Nissan Cube ฉะนั้นเราก็จะพูดถึง English Speaking GPS ของ Nissan มากกว่านะ แต่ก็จะมีหน้า GPS NAVI ของรถ TOYOTA มาเปรียบเทียบให้ดูด้วย


จะสังเกตุเห็นว่าแม้หน้าตา Interface จะต่างกันไปบ้าง แต่หลักการใช้งานจริงๆ แล้วนั้นจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่…
ส่วนเราก็มาดูหน้าตาเมนูหลักของ NISSAN GPS กันดีกว่า เพราะเป็นรถที่เราใช้เที่ยวมานั้นเอง
รูป GPS ต่อจากนี้เอามาจาก http://www.nissan.co.jp และมาใส่ภาษาไทยเพิ่มเติมเพราะรูปที่มีอยู่ไม่ค่อยเวิร์คเลย
ในหน้า Main Interface หากสังเกตุจะมี Keywords ที่น่าสนใจอยู่เช่น
1) 现在的 (เก็นไซชิ) หรือถ้าเป็นภาษาจีนจะอ่านว่า เสี่ยนจ้าย… … หมายถึง ตำแหน่งปัจจุบัน
2) メニュー หมายถึง เมนู
เมื่อเรากดปุ่ม 1) 现在的 นอกจากจะเป็นปุ่มที่ใช้บอกตำแหน่งปัจจุบันของเราแล้ว ยังเป็นปุ่มที่เวลาเราหลงๆ มึนๆ อยู่ใน GPS แล้วอยากจะกลับมาเริ่มใหม่ที่หน้าหลัก
ส่วนปุ่มที่ใช้งานบ่อยที่สุดจะเป็นปุ่ม 2) メニュー (MENU) นะเพราะว่ามันจะ นำพาเราไปสู่หน้าเมนูหลักนั้นเอง
มันจะเป็นหน้าเมนูฟีเจอร์และฟีชั่นต่างๆ รวมไปถึง NAVIGATION ด้วยนั้นเอง ซึ่งจะมีเมนูในการค้นทางสถานที่โดย
– ที่อยู่
– จิ้มเลือกตำแหน่งบนแผนที่
– ตามสถานที่สนใจ (POIs)
– ตาม MAP CODE
– ตามโทรศัพท์
– และอื่นๆ
และก็อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องว่า ก่อนเดินทางที่เราอุตส่าห์ค้นคว้าค้นหาและจดข้อมูลสถานที่ต่างๆไว้มากมาย…. แต่สุดท้าย เวลามาขับรถเที่ยวที่ญี่ปุ่น จริงๆแล้ว สิ่งที่เราใช้โดยมาก ก็จะเป็นวิธีการค้นหาสถานที่โดยใช้ “เบอร์โทรศัพท์”
และอยากจะแนะนำว่านอกจากเบอร์โทรศัพท์แล้ว เจ้าตัว MAP CODE ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ง่ายต่อการใช้นำทางมากมายเช่นกัน
1) 電話番号 – ค้นหาโดยเบอร์โทรศัพท์
2) マップコード – ค้นหาโดย MAPCODE
แต่ในที่นี้จะเน้นไปการใช้เบอร์โทรศัพท์ เพราะว่าในทุกๆเวปไซต์ของสถานที่ที่เราจะไป เราก็ต้องค้นคว้าบน Google ก่อน ซึ่งยังไงเขาก็มีเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่ออยู่แล้ว ส่วน MAPCODE นั้นจะมีแค่เฉพาะบางที่เท่านั้นเองที่จะมีให้ และถ้านับจากทริปที่เราเดินทางมาจะใช้ตัวเบอร์โทรศัพท์มากกว่านั้นเอง
เมื่อเรากดปุ่ม 1) 電話番号 มันจะพาเรามายังหน้านี้
หน้า Interface ในเมนู 1) 電話番号 ก็จะเป็นอะไรที่ง่ายๆ มีหมายเลข 0-9 และปุ่มขวาล่าง 検索 ที่หมายถึง ค้นหา (Search) นั้นเอง ส่วนปุ่มบนขวา 打正 นี้หมายถึงยกเลิกเบอร์ที่พิมพ์ไป (พิมพ์ใหม่)
แต่การใส่หมายเลขโทรศัพท์นั้นจะมีทริคเล็กน้อยนะ เพราะว่าเบอร์ติดต่อส่วนใหญ่จะมาประมาณนี้

เวลาเรากรอกเบอร์ลง GPS นี้ ถ้าเผลอกรอก +81 167-23-4784 ลงไปเลย จำนวนหลักมันจะเกิน แต่ถ้าตัด +81 ซึ่งเป็นรหัสประเทศไป มันก็จะขาดไป 1 หลัก เอ๊ะ! มันยังไง
สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ เพราะทริคของมันก็คือให้เริ่มต้นด้วย “0” (ศูนย์) ก่อน แล้วค่อยตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ตามมา ถ้าตามตัวอย่าง เราก็ต้องกรอก 0167234784 แล้วก็กด 検索 เพื่อค้นหาและ GPS จะทำการโชว์แผนที่ของสถานที่ที่เราค้นหาตามหมายเลขโทรศัพท์นั้นๆ
แผนที่ของสถานที่ที่เรากรอกเบอร์โทรศัพท์ลงไปก็จะถูกแสดงขึ้นมา พร้อมกับเส้นทางแนะนำ ซึ่งหากเราโอเคกับเส้นทางนี้ เราก็สามารถกดปุ่ม スタート Start Navigation ที่อยู่ด้านขวาล่างได้เลย
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เราจะเลือกกดปุ่มกลางขวา 別ルート (Alternative Routes) หรือปุ่มทางเลือกอื่นๆ ก่อนเพื่อดูว่ามีเส้นทางอื่นอีกไหมที่จะพาเราไปสู่จุดหมาย ซึ่งมันก็จะพาเรามาสู่หน้าจอต่อไป
หน้าที่มีโหมดการเดินทางให้เราเลือก จะมีอยู่ 5 โหมดด้วยกัน
1) AUTO (自動) – เป็นโหมดที่ทาง GPS NAVI จะเลือกให้เองโดยอัตโนมัติ
2) EXPRESS (有料優先) – เลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด
3) NORMAL (一般優先) – เลือกเส้นทางธรรมดา
4) eco – เลือกเส้นทางที่ประหยัดที่สุด
5) Shortest route (距離優先) – เลือกเส้นทางที่ใช้ระยะทางสั้นที่สุด
เวลาเรากดปุ่มโหมดแต่ละโหมด GPS ก็จะคำนวนเส้นทางให้เราดู รวมไปถึงบอกข้อมูลเวลาที่จะไปถึงที่หมาย ระยะทาง ค่าทางด่วน และจำนวนนาทีที่ใช้ ส่วนสำหรับการเลือก เนื่องจากเราเป็นนักท่องเที่ยว และเวลาก็มีส่วนสำคัญมากในการเที่ยว ฉะนั้นโหมดที่เราแนะนำให้ใช้จะเป็นโหมด 2) EXPRESS (有料優先) – หรือโหมดด่วนที่สุด ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งโหมดนี้ GPS มักจะเลือกให้ขึ้นทางด่วน (IC) ซึ่งเราสามารถทำความเร็วได้ดี และมี Speed limit ค่อนข้างสูง ซึ่งแน่นอนจะทำเวลาได้ดีกว่าเส้นทางปกติ ซึ่งมักจะมีไฟแดงเยอะมาก
ซึ่งแน่นอนการใช้ทางด่วน มันก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามา แต่เชื่อเราเถอะ ไม่ต้องไปคิดมาก ยอมจ่ายเงินค่าทางด่วนอีกเล็กน้อย แต่เราจะมีเวลาไปเที่ยวและมีเวลานั่งชิวๆ ในหลายๆ แห่งได้มากโขเลย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม =)
ซึ่งหลังจากเราเลือกโหมดที่พอใจแล้ว ก็ให้กดปุ่ม スタート Start Navigation ก็เสร็จเรียบร้อย โรงเรียนไทย พร้อมเดินทางทันที ลุยยยยยยย!

อย่างที่บอกไว้ว่า GPS NAVI ที่แนะนำวิธีการใช้ไปนี้เป็นตัว GPS NAVI ที่ติดอยู่ในรถของ Nissan ซึ่งเหตุผลที่แนะนำให้ใช้เบอร์โทรศัพท์กับ MAPCODE นอกจากง่ายแล้วยังเป็นเพราะว่าตัวแผนที่ (MAP) ของ GPS NAVI บนรถ NISSAN นั้นเป็นภาษาญี่ปุ่น ชื่อ POIs ต่่างๆ ชื่อถนน ชื่อเมือง ล้วนเป็นภาษาญี่ปุ่่นทั้งสิ้น แล้วคนพร่องภาษาญี่ปุ่นอย่างเรา จะรอดไหมเนี้ย

แต่ก็ใช่ว่า GPS NAVI ของรถในญี่ปุ่นจะไม่มีแผนที่ที่เป็นภาษาอังกฤษเลยนะ ที่แน่ใจว่ามีแผนที่ที่รองรับภาษาอังกฤษแน่นอนเลยก็คือ MAP ของรถ TOYOTA

ฉะนั้นหากว่าเราเลือกที่จะเช่ารถยี่ห้อ TOYOTA นั้น ในการใช้งาน GPS NAVI เนี้ย ก็จะได้เปรียบรถยี่ห้ออื่นๆ พอสมควรเลย เพราะเวลาค้นหาสถานที่ต่างๆ เราสามารถพิมพ์และค้นหาเป็นภาษาอังกฤษ

นอกจากจะมีระบบใส่ข้อมูลและค้นหาเป็นภาษาอังกฤษแล้ว…. ก็ยังมี

ชื่อสถานที่ POIs เป็นภาษาอังกฤษแบบสมบูรณ์……… นอกจากนั้นยังไม่พอ

ชื่อถนนหนทาง และแผนที่ก็ยังเป็นภาษาอังกฤษ…..

พูดง่ายๆ ก็กว่า 95% เนี้ยของระบบ GPS NAVI บนรถ TOYOTA ไม่ว่าจะเป็น Interface, เมนู, แผนที่ และอะไรต่อมิอะไร รองรับภาษาอังกฤษ ซึ่งเหมาะสมกับคนต่างชาติที่จะได้งานมากๆ
ตอนนี้ก็อาจจะเกิดคำถามว่า แล้วจะมาพูดถึง GPS NAVI ของ Nissan ทำไมล่ะ? ก็เช่า TOYOTA ไปสิ คำตอบโดนๆ ก็น่าจะเป็น รถเช่าของ Nissan นั้น ราคาถูก กว่าของ Toyota ……… และถูกกว่าพอสมควรเลยทีเดียว 20%-30% ได้ ถ้าเทียบราคาเป็นรุ่นรถ ที่อยู่ใน Class เดียวกัน ซึ่งตรงนี้มันก็แล้วแต่คนนะ ว่าใครจะเลือกสบายใจยอมจ่ายแพง หรือจะประหยัดหน่อยนะ ก็ใช้งานได้เหมือนกัน
ซึ่งหากสรุปเทคนิคการใช้ GPS Navigation ที่ญี่ปุ่น สำหรับรถ (Nissan)
1) ใช้เบอร์โทรศัพท์ในการเลือกสถานที่
2) กด “0” ศูนย์นำหน้าก่อน ค่อยตามด้วยเบอร์โทรศัพท์
3) ให้เลือก Express Mode โดยการขึ้นทางด่วนในทุกๆเส้นทางที่เดินทาง
ส่วนถ้าใครเลือกที่จะเอาสบายแต่ยอมจ่ายแพงเพิม ก็แนะนำให้เลือกเช่ารถยี่ห้อ TOYOTA ไป
♠♣♥♦
แถม Keywords สำคัญในการใช้งาน GPS NAVI ที่ญี่ปุ่นนะ โดยเฉพาะบนทางด่วน เวลาเจอข้อมูลพวกนี้โชว์ขึ้นมาจะได้ไม่งง
– IC ย่อมาจาก (Interchange) หมายถึง ทางเข้าและทางออกทางด่วน ประมาณ Entry / Exit นั้นเอง
– PA ย่อมาจาก (Parking Area) หมายถึง ที่พักรถตามทางด่วน จะมีห้องน้ำ มีตู้กดน้ำ
– SA ย่อมาจาก (Service Area) หมายถึง ที่พักรถเหมือนกัน แต่จะเป็นที่พักรถขนาดใหญ่ นอกจากห้องน้ำ ตู้กดน้ำแล้ว ก็จะมีร้านอาหาร บางทีมีให้บริการเก้าอี้นวด แม้แต่สปาด้วย
– ETC ย่อมาจาก (Electronic Toll Collection) หมายถึง Easy Pass แบบของประเทศไทยนั้นเอง ซึ่งรู้สึกว่าจะมีแค่ศูนย์เช่ารถ TOYOTA กับอีกเจ้านึง Nippon (มั้ง) เท่านั้นที่มี ETC ให้ใช้ และต้องจองล่วงหน้าก่อนด้วย ไม่เช่นนั้นก็ต้องจ่ายสดไปแทน
เพราะระหว่างที่เราขับรถอยู่บนทางด่วนระหว่างเมืองเนี้ย GPS NAVI จะมีแจ้งรายละเอียดของที่พักกลางทาง ทางเข้า ทางออกเส้นทางด่วนเป็นระยะๆ ตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถที่จะวางแผนได้เลยว่า อูยยยย ปวดฉี่มากเลยอีกกี่นาที/กิโลเมตรนะจะเจอห้องน้ำ!
จริงๆ ตอนแรกว่าจะแนะนำทั้งการใช้งาน GPS NAVI และการเติมน้ำมันด้วยใน Part 3 นี้ แต่ไปๆ มาๆ แค่เขียนเรื่อง GPS NAVI มันก็เยอะพอสมควร ฉะนั้นวิธีการเติมน้ำมันก็ขอเอาไว้เขียนในตอนถัดไปละกัน
Credit **รูป GPS NAVI ของ TOYOTA ต้องขอบใจเพื่อนโอมาก ที่ถ่ายวีดีโอมาให้ แม้จะมือสั่นไปหน่อย แต่ก็ช่วยเราได้เยอะเลย**